ข้อมูลด้านการวิจัยและบริการวิชาการ

ข้อมูลสถิติการนําผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ หรือเชิงสาธารณะ หรือเพื่อการศึกษาวิจัยต่อยอดเช่น การตั้งวิสาหกิจเริ่มต้น การร่วมลงทุน การอนุญาตให้ใช้สิทธิหรือการขายทรัพย์สินทางปัญญา

– ไม่มีข้อมูล –

ข้อมูลสถิติของการนําผลงานวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เหมาะสมไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ท้องถิ่นหรือชุมชน

– ไม่มีข้อมูล –

ข้อมูลกลไกในการดำเนินการด้านการบริการวิชาการแก่สังคม

เกณฑ์มาตรฐาน :

1. กำหนดชุมชนหรือองค์การเป้าหมายของการให้บริการทางวิชาการแก่สังคมโดยมีความร่วมมือระหว่างคณะหรือหน่วยงานเทียบเท่า

2. จัดทำแผนบริการวิชาการโดยมีส่วนร่วมจากชุมชนหรือองค์การเป้าหมายที่กำหนดในข้อ 1

3. ชุมชนหรือองค์การเป้าหมายได้รับการพัฒนาและมีความเข้มแข็งที่มีหลักฐานที่ปรากฏชัดเจน

4. ชุมชนหรือองค์การเป้าหมายดำเนินการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

5.สถาบันสามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกในการพัฒนาชุมชนหรือองค์การเป้าหมาย

6.ทุกคณะมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผนบริการวิชาการแก่สังคมของสถาบันตามข้อ 2 โดยมีจำนวนอาจารย์เข้าร่วมไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของ อาจารย์ทั้งหมดของสถาบัน ทั้งนี้ต้องมีอาจารย์มาจากทุกคณะ

ระบบและกลไกการดำเนินการด้านการบริการวิชาการแก่สังคม

 

ผลการดำเนินโครงการบริการวิชาการ ประจำปี 2562-2566

ปีการศึกษา

พื้นที่บริการวิชาการ

โครงการ/กิจกรรม

ผลการดำเนินโครงการ

2562

กลุ่มชุมชน ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น

1. การให้ความรู้ในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสูบน้ำเพื่อการเกษตร

          ตัวแทนชุมชนได้ติดตั้งแผงโซลาเซลล์ขนาด 350 วัตต์จำนวน 3 แผงเพื่อขับปั้มน้ำบาดาลขนาด 1 แรงม้าที่บ้านนายสุภาพ เสนาพล ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2563 ปรากฏว่าสามารถสูบน้ำบาดาลได้ 60 ลิตรต่อนาที สามารถสูบน้ำลงแปลงนาขนาด 1 ไร่และทำการรดน้ำพืชผักสวนครัวและสูบน้ำลงบ่อเลี้ยงปลา ทำให้มีผลผลิตโดยใช้การสูบน้ำโดยใช้โซล่าเซลล์เพื่อทำการเกษตรประมาณรายได้เป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน

2563

กลุ่มชุมชน ต.บ้านผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น

1. กิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการการใช้โซล่าเซลล์เพื่อการสูบน้ำบาดาลสำหรับเกษตรให้เกษตรกรชุมชน

          สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่เป้าหมาย ได้นำความรู้จากโครงการไปติดตั้งโซลล่าเซลล์เพื่อการสูบน้ำจากบ่อบาดาลโดยไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากการไฟฟ้าเพราะมีพื้นที่ห่างไกลจากไฟฟ้าและเป็นการลดค่าใช้จ่ายจากค่าไฟฟ้าอีกด้วย โดยติดตั้งแผงโซลาเซลล์ขนาด 350 วัตต์จำนวน 1 แผง (จากเดิมที่ได้ติดตั้งไปแล้วจำนวน 3 แผง) เพื่อขับปั้มน้ำบาดาลขนาด 1 แรงม้าที่บ้านนายสมาน  อ่อนตาแสง ปรากฏว่าสามารถสูบน้ำบาดาลได้ 60 ลิตรต่อนาที สามารถสูบน้ำลงแปลงนาขนาด 1 ไร่และทำการรดน้ำพืชผักสวนครัว (พืชผักสวนครัว ได้แก่ ปลูกพริก ปลูกถั่วฝักยาว และสูบน้ำลงบ่อเลี้ยงปลานิล และเลี้ยงกบตลอดจนยังปลูกหญ้าเนเปียเพื่อใช้เป็นอาหารในการเลี้ยงวัว จำนวน 1 คอก นอกจากนั่นยังสามารถใช้พลังงานที่เหลือนำมาใช้เพื่อที่อยู่อาศัยได้อีก และคณะกรรมการบริหารวิชาการได้ติดตามผลการดำเนินโครงการบริการวิชาการพบว่า ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผลผลิตทางการเกษตร เห็นได้จากรายเฉลี่ยต่อเดือนเมื่อปี พ.ศ.2562 เท่ากับ 5,000 บาท แต่ในปี พ.ศ. 2563 พบว่า ชุมชนมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น จำนวน 3,000 บาทต่อเดือน

2564

ชุมชนบ้านโนนบ่อ ตำบลบ้านโนนบ่อ ตำบลพระยืน อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น

1. กิจกรรมให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีโซล่าเซลล์เพื่อสูบน้ำในโคกหนองนาโมเดล และรดน้ำทางการเกษตร

2.กิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน และเพิ่มมูลค่าสินค้า

3. กิจกรรมเสริมทักษะการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ความรู้ด้านการเลือกตั้งแบบใหม่ และความรู้ด้านกฎหมายชุมชน

4. กิจกรรมเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี IoT แก่นักเรียนในชุมชน

          ชุมชนเข้ามาศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ ด้วยรูปแบบโคกหนองนาโมเดล จำนวน 6 ราย และมีจำนวน 4 รายที่ได้นำแนวทางโคกหนองนาโมเดลไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเอง เช่น การแบ่งส่วนของพื้นที่ในการจัดการการเกษตร และการใช้ระบบโซล่าเซลล์ในการรดน้ำทางเกษตร ซึ่งทำให้ลดต้นทุนในการปลูกพืชได้เป็นอย่างมาก โดยปกติเกษตรกรจะใช้เครื่องสูบน้ำจากพลังงานน้ำมันในการรดน้ำต้นไม้ ซึ่งมีต้นทุนวันละ 30 บาท คิดเป็นต้นทุน 900 ต่อเดือน และเมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบโซล่าเซลล์ทำให้ต้นทุนลดลง และทำให้เกษตรกรขายพีชผักสวนครัวได้กำไรสูงขึ้น นอกจากนี้การพัฒนาการเกษตรในรูปแบบ โคกหนองนาโมเดล ยังช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรได้ปริมาณที่มากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2,500 บาท ต่อเดือน

          นอกจากนี้จากการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้าใบ เป็นรองเท้า มีชาวบ้านที่สนใจและนำเอาความรู้ดังกล่าวไปผลิตรองเท้าขายจำนวน 2 ราย และเริ่มขายสินค้าภายในชุมชน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 600 บาทต่อเดือน ถือว่าเป็นรายได้เสริมให้กับคมในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

2565

ชุมชนบ้านโนนบ่อ ตำบลบ้านโนนบ่อ ตำบลพระยืน อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น

1. กิจกรรมติดตามและสนับสนุนพื้นที่ชุมชนหลังจากบริการวิชาการในปีที่ผ่านมา

1.1 ปรับปรุงระบบน้ำหยดในโคกหนองนาโมเดล

1.2 ปรับปรุงระบบกักเก็บน้ำด้วยการใช้ผืนผ้าใบแทนแผ่นพลาสติกปูบ่อ

2. กิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการตรวจสอบจุดรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าภายในบ้านและชุมชน

  2.1 การให้ความรู้เรื่องการตรวจสอบจุดรั่วไหล

2.2 การตรวจสอบจุดรั่วไหลภายในหมู่บ้าน

3. กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้และการให้คำปรึกษาด้าน สังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์

   3.1 การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย

   3.2 การให้ความรู้เรื่องการเลือกตั้งแบบใหม่

   3.3 การให้ความรู้เรื่องภาษาอังกฤษเบื้องต้น

4. กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์

   4.1 การให้ความรู้ด้านการตลาดออไนลน์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์

5. กิจกรรมการพัฒนาศูนย์ให้คำปรึกษาและการเรียนรู้ในชุมชน

   5.1 จัดตั้งศูนย์ประสานงานและการเรียนรู้ชุมชนแ

          ชุมชนได้มีการใช้ประโยชน์จากโคกหนองนาโมเดลที่มีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ซึ่งใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนและโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานภายนอกเข้ามาศึกษาเรียนรู้อีกด้วย โดยมีชาวบ้านในชุมชนและชาวบ้านในบริเวณใก้ลเคียง เข้ามาศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ ด้วยรูปแบบโคกหนองนาโมเดล จำนวน 6 ราย และมีจำนวน 3 รายที่ได้นำแนวทางโคกหนองนาโมเดลไปปรับใช้กับพื้นที่ของตนเอง เช่น การแบ่งส่วนของพื้นที่ในการจัดการการเกษตร และการใช้ระบบโซล่าเซลล์ร่วมกับระบบน้ำหยดในการรดน้ำทางเกษตร ซึ่งทำให้ลดต้นทุนในการปลูกพืชได้เป็นอย่างมาก โดยปกติเกษตรกรจะใช้เครื่องสูบน้ำจากพลังงานน้ำมันในการรดน้ำต้นไม้ ซึ่งมีต้นทุนวันละ 30 บาท คิดเป็นต้นทุน 900 ต่อเดือน และเมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบโซล่าเซลล์ร่วมกับระบบน้ำหยดทำให้ต้นทุนลดลง และทำให้เกษตรกรขายพีชผักสวนครัวได้กำไรสูงขึ้น นอกจากนี้การพัฒนาการเกษตรในรูปแบบ โคกหนองนาโมเดล ยังช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรได้ปริมาณที่มากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2,700 บาท ต่อเดือน

          นอกจากนี้จากการปรับปรุงระบบกักเก็บน้ำโดยการเปลี่ยนจากพลาสติกปูบ่อมาใช้ผืนผ้าใบที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายในชุมชนแทน ซึ่งมีความคงทนและยืดหยุ่นกว่า ทำให้สามารถกักเก็บน้ำได้ดีและไม่ชาดชำรุดง่าย จากจุดนี้ชาวบ้านได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ผ้าใบปูบ่อน้ำ เพื่อเพิ่มรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย และขยายฐานลูกค้าในพื้นที่กว้างมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ชาวบ้านยังได้นำความรู้จากการอบรมเรื่องการตลาดออนไลน์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์มาปรับใช้ในการขายผ้าใบ และผ้าใบปูพื้นบ่อ ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มยอดขายจากผลิตภัณฑ์ผ้าใบปูพื้นบ่อเฉลี่ย 800 บาทต่อเดือน ถือว่าเป็นรายได้เสริมให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี

          สำหรับจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาและการเรียนรู้ชุมชน ซึ่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อดูแลในส่วนต่างๆประกอบด้วย 3 ฝ่าย ดังนี้  1) ฝ่ายฝึกอาชีพ รับผิดชอบเกี่ยวกับ การพัฒนาอาชีพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชน โดยในการดำเนินการที่ผ่านมาได้ส่งเสริมให้ชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ เช่น การทำรองเท้าจากเศษผ้าใบ การทำกระเป๋าจากเศษผ้าใบ การทำผ้าใบปูพื้นบ่อ เป็นต้น 2) ฝ่ายกฎหมาย รับผิดชอบเกี่ยวกับการประสานงานเพื่อให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย กล่าวคือ เมื่อคนในชุมชนต้องการคำปรึกษาด้านกฎหมาย จะติดต่อผ่านประธานฝ่ายกฎหมาย จากนั้นประธานจะประสานความร่วมมือมายัง อาจารย์สาขาวิชานิติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขอคำปรึกษาและชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติ ทั้งนี้จากการดำเนินงานที่ผ่านมา มีผู้ขอคำปรึกษาจำนวน 4 ราย และได้ดำเนินการช่วยเหลือให้คำแนะนำครบทุกราย  และ 3) ฝ่ายโคกหนองนาโมเดล รับผิดชอบเกี่ยวกับการปรับปรุงและพัฒนาโคกหนองนาโมเดลและดูแลด้านการศึกษาเรียนรู้โคกหนองนาโมเดล  จากการดำเนินงานที่ผ่านมา มีชาวบ้านในชุมชนและชาวบ้านในบริเวณใก้ลเคียง เข้ามาศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ ด้วยรูปแบบโคกหนองนาโมเดล จำนวน 6 ราย

2566

ชุมชนบ้านโนนบ่อ ตำบลบ้านโนนบ่อ ตำบลพระยืน อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น

1. กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้และให้คำปรึกษาเรื่องการจัดการการเงิน ภาระหนี้สิน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

2. กิจกรรมการเขียนโครงการพัฒนาบ่อน้ำชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

กลุ่มชุมชนได้นำเอาความรู้ด้านการจัดการการเงิน และภาระหนี้สิน ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยแบ่งส่วนของค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้ลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้ โดยมีผู้นำเอาความรู้ดังกล่าวไปใช้ในการลดค่าใช้จ่ายจำนวน 9 ราย และสำหรับด้านกฎหมาย มี 1 รายที่ได้ติดต่ออาจารย์ไกรสร เดชสิมมา ให้ช่วยแนะนำด้านกฎหมายเกี่ยวกับการเคลมประกันชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งสามารถเรียกร้องค่าเสียหายและค่าเยียวยาได้ถึง 350,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายได้รับได้ผลประโยชน์ได้อย่างเป็นธรรม สำหรับกิจกรรมการพัฒนาบ่อน้ำหนองแวง จากการระดมแนวคิดจากชุมชนที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้ทางชุมชนได้นำประเด็นดังกล่าว ส่งเข้าไปในแผนการปฏิบัติการของ เทศบาลตำบลพระยืนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาโครงการดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม ทางผู้นำชุมชนได้ขอความอนุเคราะห์ให้ทางมหาวิทยาลัย เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาบ่อน้ำหนองแวงให้เกิดขึ้นได้จริง และให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการที่ชุมชนได้ตั้งเอาไว้